
เพื่อน ๆ คงเคยเห็นหน้าของ “ราชาเพลงเร็กเก้” หรือ “บ็อบ มาร์เลย์ (Bob Marley)” คู่กับใบกัญชาหรือผลิตภัณฑ์กัญชาต่าง ๆ จนกลายเป็น “ไอคอน (Icon)” ของกัญชา แล้วเคยสงสัยกันมั้ยว่า อยู่ดี ๆ เขามาเป็นสัญลักษณ์ของกัญชาได้อย่างไร? WeedHub มีคำตอบ!
อย่างที่สายเขียวทราบดีว่า “บ็อบ มาร์เลย์” มีความเชื่อมโยงและเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมการใช้กัญชา และเขาก็เคยเอ่ยว่า “กัญชาคือพืชที่จะเยียวยามวลมนุษยชาติ” สาเหตุที่เขาสูบกัญชา ก็เพราะนับถือศาสนาราสตาฟาเรียน (Rastafarian) และเชื่อว่า การสูบกัญชาคือการบูชาพระเจ้า และเขายังเชื่อว่า กัญชาช่วยเปิดประตูแห่งจิตวิญญาณทำให้เขากลายเป็นศิลปินที่โด่งดังอย่างที่เราทุกคนรู้จักในวันนี้ รวมทั้งแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ตามหลักศาสนาราสตาฟาเรียนไม่ได้เชื่อว่า กัญชาสามารถเยียวยาความทุกข์หรือติดต่อกับพระเจ้าได้อย่างที่ “บ็อบ มาร์เลย์” เชื่อ ดังนั้น การที่ราชาเพลงเร็กเก้สูบกัญชาเป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคลเท่านั้น

สำหรับประวัติย่อส่วนตัวของ “บ็อบ มาร์เลย์” ผู้เป็นไอคอนของกัญชา เขาเริ่มต้นเส้นทางดนตรีครั้งแรกอย่างเป็นทางการในปี 2505 ต่อมาในปี 2506 เขาได้ก่อตั้งวง “The Wailers” แต่สุดท้ายวงนี้ก็ถูกยุบไปในปี 2517

การยุบวงทำให้โชคชะตาของเขาพลิกผันกลายเป็นศิลปินเดี่ยวเปลี่ยนจากร้องเพลงแนวดนตรีสกาและร็อกสเตดี้ มาเป็นดนตรีแนวเร็กเก้ในปี 2518 แล้วก็ดังพลุแตก โดยเพลงอันดับหนึ่งของ “บ็อบ มาร์เลย์” คือ “No Woman, No Cry” จากนั้นก็ออกอัลบั้มชื่อว่า “Rastaman Vibration” ซึ่งติดบิลบอร์ดชาร์ต 10 อันดับอัลบั้มยอดนิยมมากที่สุด ณ เวลานั้น
แต่น่าเสียดายชีวิตของ “บ็อบ มาร์เลย์” ไม่ได้ยืนยาวนัก เนื่องจากป่วยเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง และเสียชีวิตลงในวัยเพียง 36 ปีเท่านั้น เป็นอันปิดตำนาน “ราชาเพลงเร็กเก้”

อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงและผลงานที่เป็นอมตะ รวมทั้งภาพลักษณ์ที่ผู้คนมักเห็นว่าเขาสูบกัญชา ก็ทำให้เขากลายเป็นไอคอนบนสินค้ากัญชามากมาย ล่าสุดเมื่อปี 2557 ครอบครัวของ “บ็อบ มาร์เลย์” ได้ทำแบรนด์สินค้ากัญชาชื่อว่า “มาร์เลย์ แนทเชอรัล (Marley Natural)” โดยร่วมทำกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในนครซีแอตเติ้ล (Seattle) รัฐวอชิงตัน (Washington) ของสหรัฐฯ หลังจากภาพใบหน้าของราชาเพลงเร็กเก้ถูกนำไปใช้ในทางเสียหาย
สินค้าของแบรนด์ “มาร์เลย์ แนทเชอรัล” มีทั้งสายพันธุ์กัญชาที่ “บ็อบ มาร์เลย์” ชอบ, น้ำมันกัญชา และโลชั่นกัญชา ซึ่งเพื่อน ๆ หากอยู่ในสหรัฐฯ สามารถหาซื้อใช้กันได้แล้ว ในรัฐที่อนุญาตให้มีการใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาอย่างถูกกฎหมาย

ที่มาข้อมูล: AZ Central และ กรุงเทพธุรกิจ