กระแสความนิยมปลูกพืช “กัญชา” ยังคงร้อนแรง หลังจากกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวง “ปลดล็อกให้สามารถปลูก เพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และเศรษฐกิจได้ โดยอยู่ภายใต้กรอบที่กฎหมายกำหนด” ส่งผลให้พืชชนิดนี้ มีค่าดั่งทอง กลายเป็นโอกาสทางธุรกิจ ไม่ว่าจะธุรกิจน้อย ธุรกิจใหญ่ และเพิ่งเกิดใหม่ ต่างกระโจนลงมาร่วมวงอุตสาหกรรมปลูก ผลิต และต่อยอดสินค้าจากพืชสีเขียวใบสวยนี้กันอย่างต่อเนื่องในหลากหลายรูปแบบ
เนื่องจาก “กัญชา” เป็นที่รับรู้กันดีว่า “ใบ ราก ก้าน” สามารถใช้ในตำรับยาแผนไทยและผลิตภัณฑ์สมุนไพร ส่วน “เปลือก แกนลำต้น เส้นใย” สามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอได้ ขณะที่ “สารสกัด” ก็ใช้ในอุตสาหกรรมยา ผลิตภัณฑ์สมุนไพรและเครื่องสำอาง อีกทั้ง “เมล็ด” ยังสามารถใช้ประกอบในอาหารและเครื่องสำอาง
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ใครหลายคนอยากปลูกกัญชา เพื่อหารายได้เสริม หรือทำเป็นอาชีพหลัก ดังนั้น “WeedHub” จึงอยากแนะนำ 7 สายพันธุ์กัญชาน่าปลูกที่มีค่า CBD หรือ Cannabinoid สูง มีค่า THC หรือ Tetrahydrocannabinol ต่ำ ที่คาดว่าจะทำรายได้งาม เพราะนิยมนำมาใช้ในทางการแพทย์มากที่สุดในโลก จากบรรดากัญชาทั้งหมดมากกว่า 700 สายพันธุ์ ที่สำคัญสามารถปลูกในประเทศไทย และยังตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในประเทศและต่างประเทศได้ ทั้งในปัจจุบันและอนาคตด้วย มีดังนี้
1. สายพันธุ์ ACDC (เอซีดีซี)
เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่มีค่า CBD:THC ในอัตราส่วนที่มีค่า CBD มากที่สุด หากบริโภคกัญชาสายพันธุ์นี้ คุณจะสามารถรับสาร CBD ได้มากถึง 20 เปอร์เซ็นต์
นิยมใช้ในการรักษาความวิตกกังวล, การอักเสบ, ไมเกรน, คลื่นไส้,โรคระบบประสาท, โรคข้ออักเสบ และโรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้ว หรือโรคไบโพลาร์ นอกจากนี้ ยังนิยมใช้บำบัดผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรัง และกัญชาสายพันธุ์นี้ ยังถือเป็นตัวเลือกที่ดี หากคุณกำลังมองหาวิธีลดผลกระทบจากการรักษาด้วยเคมีบำบัด
2. สายพันธุ์ Harle-Tsu (ฮาร์ล-สึ)
เป็นกัญชาลูกผสมเกิดจากสายพันธุ์ Sour Tsunami (ซาวร์สึ) และ ฮาลิควิน (Harlequin) กัญชาสายพันธุ์นี้ เปรียบเสมือนยาแก้ปวด และให้สาร CBD สูงมากถึง 22 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับสาร THC ที่มีน้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ หรือ 22:1
นิยมนำมาใช้ในการรักษาโรคต่าง ๆ เช่น ไมเกรน ภาวะซึมเศร้า การนอนไม่หลับ การอักเสบ อาการหงุดหงิดก่อนมีรอบเดือน (PMS) และภาวะป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง (PTSD)
3. สายพันธุ์ Harlequin (ฮาลิควิน)
เป็นกัญชาที่มีค่าของสาร THC ในระดับที่สูงที่สุดจากกัญชาทั้ง 7 สายพันธุ์ที่แนะนำในรายการนี้ มีค่า CBD ในระดับสูงอย่างน้อย 10 เปอร์เซ็นต์ของอัตราส่วน 5:2 ของ CBD:THC ประโยชน์ของกัญชาสายพันธุ์นี้ คือ ช่วยให้ผ่อนคลายและสงบ และยังมีผลในการบรรเทาความเจ็บปวดทั่วร่างกายและในศีรษะ มีผลข้างเคียง คือ อาการตาแห้งในบางครั้ง
นิยมนำมาใช้ในการต่อสู้กับอาการปวดเรื้อรัง, ภาวะซึมเศร้า, การอักเสบ, ไมเกรน, ภาวะป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง (PTSD) และความเครียด
4. สายพันธุ์ Cannatonic (แคนนาโทนิก)
เป็นกัญชาสายพันธุ์ผสมระหว่าง Reina Madre (เรน่ามาเดร) และ NYCD (เอ็นวายซีดี) อย่างละ 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อสกัดออกมาจะได้สาร CBD ประมาณ 6-17 เปอร์เซ็นต์ และสาร THC ประมาณ 6 เปอร์เซ็นต์ โดยกัญชาสายพันธุ์นี้ สามารถจำแนกปริมาณสาร CBD ต่อสาร THC ได้ 3 รูปแบบ คือ 1. มีอัตราส่วนของสาร CBD และ THC เท่ากันอยู่ที่ 1:1 2. มีอัตราส่วนของสาร CBD มากกว่า THC และ 3. มีอัตราส่วนของสาร THC มากกว่า CBD
นิยมนำมาใช้ในการรักษาโรคมะเร็งผิวหนัง โรคออทิสติก และอาการปลายปลอกประสาทเสื่อม ที่ต้องใช้สาร CBD และ THC ทั้งสองชนิดควบคู่กันไปในการรักษา
5. สายพันธุ์ OG Kush CBD (โอจี คุช ซีบีดี)
เป็นสายพันธุ์กัญชาที่เกิดจากการผสมระหว่างสายพันธุ์ OG Kush (โอจี คุช ซีบีดี) และ pureCBD (เพียวซีบีดี) เป็นสายพันธุ์กัญชาที่มีปริมาณสาร CBD และ THC เท่ากัน คือ 10 เปอร์เซ็นต์ หรือในอัตรา 1:1 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่สูง นิยมนำไปใช้เพื่อช่วยลดความวิตกกังวล ความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ ความเจ็บปวด และการนอนผิดปกติ
6. สายพันธุ์ Charlotte’s Web (ชาร์ล็อตต์ เว็บ)
เป็นสายพันธุ์กัญชาที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก มีอัตราส่วนของสาร CBD ต่อสาร THC อยู่ที่ 27:1 นับว่ามีปริมาณสาร THC ที่ต่ำมาก จึงนิยมนำไปใช้ในการรักษาอาการชักในเด็ก จนโด่งดังเป็นที่รู้จัก และชื่อของกัญชาสายพันธุ์นี้ ก็มีที่มาจากการช่วยเด็กหญิง ชื่อว่า “Charlotte Figi (ชาร์ล็อต ฟิจี )” ซึ่งป่วยเป็นโรคลมชักชนิดรุนแรง (Dravet’s Syndrome)
นอกจากนี้ ยังนิยมนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและบำบัดอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า และไมเกรน ในรูปแบบของน้ำมัน CBD (CBD oil) เพราะสายพันธุ์นี้ไม่ทำให้เกิดการมึนเมาและไม่มีผลต่อสมอง รวมถึงใช้รักษาอาการปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อหดเกร็งและข้ออักเสบได้อีกด้วย
7. สายพันธุ์ Ringo’s Gift (ริงโก กิฟต์)
กัญชาสายพันธุ์นี้ถูกตั้งชื่อตาม “Lawrence Ringo (ลอว์เรนซ์ ริงโก)” นักเคลื่อนไหวด้านกัญชาและเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสาร CBD เป็นกัญชาสายพันธุ์ผสมระหว่าง ACDC (เอซีดีซี) และ Harle-Tsu (ฮาร์ละ-สึ) ซึ่งทั้งสองพันธุ์นี้ ขึ้นชื่อว่าให้สาร CBD สูง มีอัตราส่วนระหว่างสาร CBD และ THC อยู่ที่ 20:1
นิยมใช้กับกลุ่มคนที่มีอาการทางสมอง โรคลมชัก โรคพาร์กินสัน อาการซึมเศร้า วิตกกังวล ภาวะป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง (PTSD) และโรคกล้ามเนื้อหดเกร็ง
สายพันธุ์กัญชาทั้ง 7 ข้างต้น นับเป็นทางเลือกในการรักษาและบำบัดในการแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งสามารถรักษาอาการของโรคต่าง ๆ ได้ดี เป็นอีกทางเลือกในการรักษาของคนในยุคปัจจุบัน นอกจากการรักษาด้วยเคมีบำบัดอย่างเดียว
เว็บไซต์ weedhub.asia
Facebook weedhub.asia
Twitter weed_hub
Instagram weedhub_asia