น้ำมันกัญชา (CBD Oil) ช่วยรักษาอาการวิตกกังวล ปวดเมื่อย และนอนหลับให้ดีขึ้นจริงหรือ?
การนอนหลับเต็มอิ่มนั้นดีต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตประจำวันของเราทุกคนอย่างแน่นอน โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับของ Sleep Foundation ในสหรัฐอเมริกาแนะนำว่า ผู้ใหญ่ควรนอนหลับวันละ 7-9 ชั่วโมง ระยะเวลาการนอนดังกล่าว จะช่วยให้คุณมีเรี่ยวแรงเพียงพอในการทำงานในวันถัดไป อีกทั้ง การนอนหลับที่ดียังช่วยเรื่องของความจำดี จำแม่น, กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้รับการซ่อมแซมอย่างเต็มที่ และใครที่กำลังเจ็บป่วยก็จะอาการดีขึ้นด้วยเช่นกัน
แต่สำหรับบางคน การหลับตาและปล่อยกายใจให้หลับใหลนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาต้องข่มตาข่มใจนอนอย่างยากลำบาก และต้องหาสารพัดวิธีเพื่อเข้าสู่โหมดนิทรา เช่น นับแกะในหัว กินนมอุ่น ๆ ก่อนนอน กินยานอนหลับ เป็นต้น และจากข้อมูลการสำรวจปัญหาเรื่องนอนไม่หลับของประชากรในทุกช่วงวัยประมาณ 19 ล้านคนเมื่อปี 2563 โดยกระทรวงสาธารณสุขไทย พบว่าคนส่วนมากจะมีอาการนอนไม่หลับ 1 หรือ 2 คืน แต่บางครั้งอาจเกิดขึ้นนานเป็นสัปดาห์ เดือน หรือปี โรคนอนไม่หลับมักเป็นในผู้หญิงและผู้สูงอายุ
นอกจากนี้ ยังพบว่าสาเหตุของการนอนไม่หลับส่วนใหญ่ก็มาจากความเครียดและปัญหาโรคภัยไข้จับที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดความเจ็บปวด และที่สำคัญผู้ที่ประสบปัญหาการนอนหลับส่วนใหญ่มักใช้ยานอนหลับ แต่เมื่อขอคำแนะนำจากเพื่อน ๆ หรืออากู๋ (Google) ก็จะพบคำแนะนำให้เลือกใช้ “น้ำมันกัญชา (CBD Oil)” เพื่อช่วยบรรเทาอาการดังกล่าว พร้อมทั้งวิธีใช้และปริมาณที่เหมาะสมครบครัน
สำหรับผู้ที่ไม่รู้ว่า “น้ำมันกัญชา” คืออะไร สิ่งนี้ก็คือ สารสกัดเข้มข้นจากต้นกัญชาที่นำมาทำให้เจือจาง เพื่อใช้เป็นส่วนประกอบในรูปแบบยาทางการแพทย์หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยจะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อผลิตเป็นยารักษาโรค มีการนำไปผสมกับส่วนผสมต่าง ๆ ให้เหมาะแก่การรักษาในแต่ละประเภท เช่น นำไปหยดใต้ลิ้น นำไปทาบนผิวหนัง เป็นต้น
และจากกระแสเห่อใช้น้ำมันกัญชาในหมู่คนไทย ก็ทำให้หลายคนเกิดคำถามตามมาว่า “น้ำมันกัญชาช่วยรักษาอาการวิตกกังวล ปวดเมื่อย และนอนไม่หลับได้จริงหรือ?” หรือ “นี่เป็นเพียงคำโฆษณาเกินจริงเท่านั้น?”
ก่อนอื่น ทุกคน “ที่ใช้” และ “กำลังจะใช้” น้ำมันกัญชาควรรู้เบื้องต้นคือ สารสกัดจากที่ได้จากกัญชานั้นมีถึงร้อยชนิด แต่ที่นักวิจัยสนใจศึกษามากที่สุดมีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่ เตตราไฮโดรคานนาบินอล หรือทีเอชซี (THC) และคานนาบินอล หรือซีบีดี (CBD) ซึ่งนิยมนำมาใช้ในน้ำมันกัญชาคือ CBD ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้มนุษย์ผ่อนคลาย ขณะที่ THC ไม่นิยมใช้ เนื่องจากก่อให้เกิดอาการมึนเมา หรืออาการไฮนั่นเอง
สำหรับประเทศไทย ส่วนใหญ่นิยมใช้น้ำมันกัญชาเพื่อรักษาโรคนอนหลับผิดปกติ ในหลากหลายกรณี ดังนี้…
รักษาอาการนอนหลับยาก
จากการวิจัยชี้ให้เห็นว่า น้ำมันกัญชาที่มีสารซีบีดี CBD ในปริมาณต่ำนั้นกระตุ้นให้สมองและร่างกายผ่อนคลาย ทำให้ผู้ที่นอนหลับยากเข้าสู่ห่วงนิทราได้ง่ายมากขึ้น ขณะที่น้ำมันกัญชาที่มีสาร CBD ในปริมาณสูงมากนั้นสามารถออกฤทธิ์ได้เหมือนยากล่อมประสาท
รักษาอาการวิตกกังวล
อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้หลายคนนอนหลับยาก ก็เพราะความเครียด ความวิตกกังวล ส่งผลให้นอนหลับอย่างไม่มีคุณภาพ นอนหลับไม่เพียงพอ และบางคนอาจป่วยเป็นโรคนอนหลับผิดปกติเลยทีเดียว การใช้น้ำมันกัญชาจะช่วยให้ระบบประสาทเกิดความผ่อนคลายอย่างค่อยเป็นค่อยไป และจากการทดลองใช้น้ำมันกัญชาในผู้ป่วยที่มีอาการนอนหลับผิดปกติพบว่า ร้อยละ 80 ของผู้ป่วยที่ใช้น้ำมันกัญชามีระดับความวิตกกังวลลดลงกว่า 1 เดือนก่อน ขณะที่ยานอนหลับช่วยลดระดับความวิตกกังวลในผู้ป่วยได้เพียงร้อยละ 65 และมีผลลัพธ์ที่ผันผวนด้วย
รักษาภาวะนอนละเมอในช่วง REM Sleep
อาการนอนหลับผิดปกติระยะ REM ที่หลายคนเรียกว่า REM Sleep หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ภาวะนอนละเมอ มักพบอาการนี้ในผู้ป่วยสูงอายุที่ป่วยเป็นโรคทางระบบประสาท เช่น โรคอัลไซเมอร์และโรคพาร์กินสัน เป็นต้น และการใช้น้ำมันกัญชาเพื่อรักษาอาการนอนหลับผิดปกติในผู้ป่วยเหล่านี้พบว่า ก่อนเริ่มรักษาด้วยน้ำมันกัญชาผู้ป่วยมีภาวะนอนละเมอสัปดาห์ละ 2-7 ครั้ง แต่หลังใช้น้ำมันกัญชาในการรักษาพบว่า ผู้ป่วยมีอาการภาวะนอนละเมอสัปดาห์ละ 0-1 ครั้งเท่านั้น!
รักษาอาการง่วงนอนมากผิดปกติ
สำหรับผู้ที่มีอาการง่วงนอนมากผิดปกติในตอนกลางวัน และพยายามทุกวิถีทางเพื่อตื่นตัวอยู่เสมอ แต่ก็ไม่ไหว การใช้น้ำมันกัญชาจะช่วยกระตุ้นให้ตื่นได้
อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาการใช้น้ำมันกัญชาสามารถช่วยแก้ปัญหาการนอนหลับผิดปกติจริงรึเปล่า จากการศึกษาของ PubMed Central ว่าการใช้น้ำมันกัญชาช่วยเรื่องการนอนหลับผิดปกติได้จริงหรือไม่ พบว่า 3 เดือนหลังกลุ่มตัวอย่างใช้น้ำมันกัญชาอย่างต่อเนื่อง โดยมีนักวิจัยคอยติดตามอาการในทุก ๆ เดือน พบว่า ครั้งแรกที่สอบถามผลลัพธ์หลังการใช้น้ำมันกัญชา ผู้ร่วมวิจัย 66.7% รายงานว่ามีการนอนหลับที่ดีขึ้น ขณะที่ 25% มีการนอนหลับที่แย่ลง และครั้งที่สองที่สอบถามผลลัพธ์หลังการใช้น้ำมันกัญชา ผู้ร่วมวิจัย 56.1% ระบุว่าการนอนหลับดีขึ้น และ 26.8% ระบุว่าการนอนหลับแย่ลง
จากข้อมูลข้างต้นทั้งหมด ตอนนี้ทุกคนก็ทราบแล้วว่า “น้ำมันกัญชานั้นช่วยรักษาโรคนอนหลับผิดปกติประเภทต่าง ๆ ได้จริง” แต่แค่ในระยะสั้น เพราะผลลัพธ์ที่ได้นั้นจะไม่คงที่เท่าเดิม
แต่เมื่อใครได่ใช้น้ำมันกัญชาแล้ว ก็คงอยากรู้วิธีการใช้น้ำมันกัญชาที่ถูกต้องและได้ผลลัพธ์ดีที่สุดด้วยเช่นกัน หากคุณเป็นผู้ใช้น้ำมันกัญชาครั้งแรก WeedHub ก็ขอแนะนำว่า ควรใช้น้ำมันกัญชาก่อนเข้านอน 30-60 นาที เพื่อให้เวลาร่างกายได้ซึมซับน้ำมันกัญชาเข้าสู่ร่างกายและออกฤทธิ์
และจากการสอบถามผู้มีประสบการณ์ตรงในการใช้น้ำมันกัญชาหลายคน ซึ่งใส่สาร THC ลงไปในน้ำมันกัญชาเพียงเล็กน้อย พบว่าในตอนกลางคืนที่พวกเขานอนหลับมันช่วยให้น้ำมันกัญชาออกฤทธิ์ได้ดีเช่นกัน แต่ต้องเป็นการกินหรือหยดไว้ใต้ลิ้น จะไม่ทำให้เกิดอาการเมาค้าง ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและนอนหลับสบาย
อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้น้ำมันกัญชาควรรู้ก็คือ ปริมาณการใช้น้ำมันกัญชาที่เหมาะสม มีงานวิจัยหนึ่งที่ระบุตัวเลขปริมาณน้ำมันกัญชาที่ผู้ใหญ่คนหนึ่งควรใช้ต่อวันอยู่ที่ 25 มิลลิกรัมต่อคืน อ้างอิงจากการวิจัยของ PubMed Central ซึ่งระบุว่าปริมาณเท่านี้มีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับแก้ความวิตกกังวลและปัญหาการนอนหลับ
ทั้งนี้ มีแนวโน้มว่าปริมาณที่แต่ละคนต้องการน้ำมันกัญชานั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล เช่น ความรุนแรงของการนอนหลับผิดปกติ, ยาที่บุคคลนั้นใช้ (ทั้งที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับและยาที่อาจเกิดปฏิกิริยากับน้ำมันกัญชา), ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น (เช่น คน ๆ นั้นรู้สึกง่วงหรือเหนื่อยล้าในวันรุ่งขึ้นหรือไม่)
อย่างไรก็ตาม สารซีบีดีไม่ได้มีในรูปของน้ำมันกัญชาอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีในรูปของสเปรย์ฉีดปากใต้ลิ้น, น้ำมันและทิงเจอร์ หรือบางคนอาจเรียกว่า ดรอปส์หรือดรอปเลท, มวนกัญชาสำหรับใช้สูบกับปากกาสูบกัญชา, ขนมขบเคี้ยว เช่น ลูกอม หมากฝรั่ง คุกกี้ เครื่องดื่ม กาแฟ ชา เป็นต้น, ยาแบบเม็ดหรือแคปซูล และครีมทาต่าง ๆ เช่น โลชั่น ครีม เจล เป็นต้น
ผลลัพธ์หลังการใช้น้ำมันกัญชา นอกเหนือจากช่วยผ่อนคลายจิตใจ ร่างกาย และช่วยเรื่องนอนหลับแล้ว ยังช่วยให้อารมณ์ของผู้ใช้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี เนื่องจากส่งผลต่อระบบเซโรโทนิน ทั้งนี้ ผลลัพธ์ที่ได้จะมากจะน้อยก็แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและขึ้นอยู่กับประเภทและปริมาณของผลิตภัณฑ์
และในเชิงทางการแพทย์ “น้ำมันกัญชา” ยังสามารถนำมาใช้หยอดหูหรือหยอดตา ทั้งนี้ ควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะไม่ได้หมายความว่าน้ำมันกัญชาทุกประเภทจะใช้งานเหมือนกัน โดยเฉพาะการใช้น้ำมันกัญชารักษาโรคที่เกี่ยวกับดวงตา เช่น โรคต้อหิน เป็นการรักษาที่ยังไม่ได้รับการยอมรับ หรือแม้กระทั่งหยอดตาเพื่อลดความดันลูกตา ก็ถือเป็นวิธีที่อันตรายและไม่ควรทำด้วยตนเอง และน้ำมันกัญชายังใช้สำหรับรักษาสิวได้ด้วย แต่ทั้งนี้ ก็ต้องศึกษาด้วยว่าน้ำมันกัญชามีส่วนผสมใดบ้างและสิวนั้นเป็นสิวประเภทใด เพราะแทนที่จะช่วยลดอาการอักเสบ อาจทำให้มีอาการผิวหนังอักเสบมากกว่าเดิม จะเห็นได้ว่าทุกกระบวนการใช้น้ำมันกัญชาเพื่อรักษาอาการต่าง ๆ นั้น จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญก่อนนำไปใช้เสมอ
ส่วนความเสี่ยงหลังการใช้น้ำมันกัญชาก็มีบ้าง แต่ไม่รุนแรง ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยที่ใช้ “Epidiolex” อาจมีอาการท้องร่วงหรือปัญหาทางเดินอาหารอื่น ๆ บางคนอาจมีอาการอ่อนเพลีย เมื่อสาร CBD มีปฏิสัมพันธ์กับยาตัวอื่น ๆ ที่ผู้ป่วยใช้
ขณะที่คนที่ใช้ยานอนหลับมานาน ก็คงสงสัยใช่มั้ยล่ะว่า “น้ำมันกัญชา” สามารถนำมาแทนที่ยานอนหลับได้เลยรึเปล่า? ก็ต้องขอตอบแบบอ้างอิงงานวิจัยว่า น้ำมันกัญชามีประสิทธิภาพและปลอดภัยกว่ายานอนหลับ ที่ต้องสั่งจ่ายยาโดยแพทย์หรือที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ ซึ่งอาจทำให้เกิดการพึ่งพาอาศัยกันและมีความเสี่ยงที่เราจะใช้ยาเกินขนาดและเสียชีวิต แต่ขณะเดียวกัน ประโยชน์ของน้ำมันกัญชามีผลต่อการนอนหลับอย่างไรก็ยังไม่มีใครทราบชัดเจน
ส่วนใครที่เป็นมือใหม่หัดใช้น้ำมันกัญชาเพื่อรักษาอาการวิตกกังวล แก้ปวดเมื่อย หรืออาการนอนหลับผิดปกติ ขอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกัญชาทางการแพทย์จะดีที่สุด ซึ่งประจำอยู่ตามโรงพยาบาลหรือคลินิกต่าง ๆ โดยสามารถค้นหาได้บนเว็บไซต์ WeedHub เพราะน้ำมันกัญชา ซึ่งมีสาร CBD สามารถชะลอความสามารถของตับในการย่อยสลายยาบางชนิด นอกจากนี้ การใช้น้ำมันกัญชากับสมุนไพรหรืออาหารเสริม อาจทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการง่วงนอนจัด
การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกัญชาทางการแพทย์ ผู้จะใช้น้ำมันกัญชาต้องแจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยา สมุนไพร หรืออาหารเสริมใด ๆ ที่คุณกำลังกินอยู่ เพื่อให้แพทย์สามารถประเมินว่า น้ำมันกัญชาอาจทำให้เกิดผลลัพธ์เชิงลบหรือไม่ และแพทย์ยังสามารถแจ้งให้ทราบว่า น้ำมันกัญชาใดเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในการรักษาอาการเจ็บป่วยของคุณด้วย
ที่สำคัญประเทศไทยแม้จะมีข่าวปลดล็อกกัญชาทางการแพทย์แล้วเมื่อปี 2563 แต่ก็ยังเป็นการปลดล็อกกัญชา-กัญชงเพียงบางส่วนเท่านั้น และไม่ใช่ทุกผลิตภัณฑ์กัญชาที่ประชาชนสามารถหาซื้อใช้เองได้ทันที เช่นน้ำมันกัญชาต้องมีใบสั่งจากแพทย์ที่ผ่านการอบรมจากกรมการแพทย์ และสอบผ่านขึ้นทะเบียนกับ อย. แล้ว เป็นผู้พิจารณาสั่งจ่ายเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันแพทย์จะใช้สารสกัดกัญชาในการรักษากับผู้ป่วยคนนั้น ๆ ได้ ก็ต่อเมื่อผู้ป่วยรายดังกล่าว ไม่สามารถ…
1. ใช้รักษา เช่น ภาวะคลื่นไส้อาเจียนในผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด โรคลมชักที่ดื้อต่อยารักษา ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งในผู้ป่วยปลอกประสาทเสื่อมแข็ง ภาวะปวดประสาทที่รักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล
2. ใช้ควบคุมอาการ เช่น โรคพาร์กินสัน อัลไซเมอร์ โรควิตกกังวล โรคปลอกประสาทอักเสบ ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย เป็นต้น
3. “อาจมีประโยชน์” ในการรักษา แต่ยังขาดข้อมูลด้านความปลอดภัยที่เพียงพอ ต้องศึกษาวิจัย เช่น การรักษามะเร็ง โรคอื่น ๆ
หากพบว่าประชาชนทั่วไปซื้อน้ำมันกัญชาโดยไม่ได้มีใบสั่งจากแพทย์จะมีความผิดตามกฎหมาย และอาจได้รับผลิตภัณฑ์ไม่มีคุณภาพ
แต่ในปีนี้ พ.ศ. 2565 ก็อาจจะมีข่าวดี ประชาชนทั่วไปก็อาจสามารถซื้อน้ำมันกัญชาใช้เองได้โดยไม่ผิดกฎหมายแล้ว หากเป็นไปตามแผนที่ “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรีและรมว. สาธารณสุข ได้กล่าวไว้ตอนเป็นประธานในงาน “Kickoff กัญชาริมฝั่งโขง” ที่ถนนสวรรค์ชายโขง หมู่บ้าน 8 ชนเผ่า อ. เมือง จ. นครพนม เมื่อ 11 ธันวาคม 2564 โดยระบุว่า…
“ที่เราผลักดันได้ไปก่อนหน้านี้ เราบอกว่าเฉพาะต้น ราก ใบ กิ่ง ก้าน เท่านั้นไม่ใช่ยาเสพติด จากนี้ไป ตั้งแต่ปี 2565 เราจะผลักดันให้ทั้งต้น ราก กิ่ง ก้าน ใบ ดอก ช่อดอก เมล็ด จะต้องไม่อยู่ในบัญชียาเสพติดอีกต่อไปด้วย นี่คือสิ่งที่น่ายินดีที่เราต่อสู้ให้มันสำเร็จ โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจที่ถูกกระทบจากโควิด-19 แบบนี้ เมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ประชาชนต้องเร่งทำมาหากิน ถ้าเราไม่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เป็นทางเลือก คนก็จะแย่งกันทำอะไรที่เหมือน ๆ กัน แต่ถ้าเรามีทางเลือกให้ เขาจะพัฒนาต่อยอดขึ้นมาเองเกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ โมเดลธุรกิจใหม่ เป็นทางเลือกที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจได้”
ทาง WeedHub ก็หวังว่าอุตสาหกรรมกัญชาไทยจะมีการมูฟออน และไทยเป็นแหล่งกัญชาเสรีอย่างแท้จริงเร็ว ๆ นี้ เพราะเชื่อว่าจะมีหลายฝ่าย และคนหลากหลายอาชีพได้ประโยชน์จากนโยบายขับเคลื่อนปลดล็อกกัญชาของนายอนุทินเป็นจำนวนมาก แล้วเป้าหมายที่จะปั้นไทยเป็นศูนย์กลางส่งออกกัญชาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว
2 Comments
Right here is the perfect webpage for everyone who would like to understand this topic. You understand a whole lot its almost tough to argue with you (not that I really will need toÖHaHa). You certainly put a fresh spin on a subject that has been discussed for a long time. Wonderful stuff, just excellent!
Very nice write-up. I definitely appreciate this site. Thanks!