กระแสซีรีส์ที่ “Squid Game” หรือชื่อภาษาไทยคือ “สควิดเกม เล่นลุ้นตาย” ล่าสุดแรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่ขึ้นแท่นเป็นซีรีส์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั่วโลกในขณะนี้ หลังเปิดตัวฉายอย่างเป็นทางการบน Netflix เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา อีกทั้งยังเป็นซีรีส์เกาหลีเรื่องแรกที่สามารถคว้าอันดับ 1 ของหนังและซีรีส์ยอดนิยมบน Netflix ในสหรัฐอเมริกาและในอีกหลายประเทศทั่วโลกด้วย
ฮิตติดลมเบอร์นี้ WeedHub ก็ไม่พลาดพาทุกคนไปตามกระแสซีรีส์ “Squid Game” ด้วยการพาทุกคนไปทำอาหารเกาหลีที่ปรากฎในซีรีส์เรื่องดังกล่าว กินกันในแบบฉบับสายเขียว ที่ทำกินเองที่บ้านได้และอร่อยทุกเมนู!
1. บิบิมบับ (Bibimbab)
“บิบิมบับ” หรือที่ชาวไทยเรียกว่า “ข้าวยำเกาหลี” เป็นเมนูที่โปะด้วยท็อปปิ้งมากมายปรุงสุกมีสีสันสวยงามสดใสมากถึง 5 สี ซึ่งแต่ละสีก็มีความหมายเชิงสัญลักษณ์เกี่ยวกับทิศและสุขภาพตามตำราการแพทย์แบบโบราณ
สีขาว หมายถึงทิศตะวันตก หรือปอด (ถั่วงอก, ข้าว, หัวไชเท้า)
สีดำ หมายถึง ทิศเหนือ หรือไต (เห็ดหอม, ผักกูด, สาหร่ายโนริ)
สีแดงหรือส้ม หมายถึง ทิศใต้และหัวใจ (พริก, แครอท, ลูกพุทรา)
สีเหลือง หมายถึง ตอนกลางและระบบลำไส้ หรือท้อง (ฟักทอง, มันฝรั่ง, ไข่)
สีเขียว หมายถึง ทิศตะวันออกและตับ (แตงกวา, ผักโขม)
จัดวางบนข้าวสวยร้อน ๆ ราดซอสโคชูจัง เพียงเท่านี้ก็ได้บิบิมบับสุดอร่อยแล้ว แถมยังได้สุขภาพดีอีกต่างหาก เพราะ “บิบิมบับ” ยังได้ชื่อว่าเป็นอาหารที่ปรับธาตุในร่างกายของเราให้สมดุลและให้สารอาหารครบถ้วนด้วย
ส่วนการจะดัดแปลงอาหารเกาหลีชื่อดังนี้ให้เป็นแบบฉบับสายเขียว ก็เพียงต้มใบกัญชาให้นิ่ม แล้วนำมาจัดแต่งบนหน้าข้าวร้อน ๆ พร้อมกับผักหลากสีสันและเนื้อสัตว์ แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ทำง่ายได้โล่มาก ๆ หรือถ้าใครขี้เกียจต้ม ก็สามารถวางใบกัญชาแห้งสด ๆ ประดับบนหน้า “บิบิมบับ” ก็เก๋ไก๋ไม่ใช่น้อย
2. ต๊อกโปกี (Tteokbokki)
อาหารขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งของเกาหลีใต้ ที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายกับขนมผักกาดราดซอสเปรี้ยวหวาน และนิยมกินกันมากในหมู่ชาวเกาหลีจนได้รับการขนานนามว่าเป็น “ราชาแห่งสตรีทฟู้ด”
“ต๊อกโปกี” ก็ได้มาจากชื่อของแป้งรูปทรงกระบอกที่ใช้ปรุงเมนูนี้ ที่เรียกว่า “แป้งต๊อก” ที่ทำมากจากข้าวเจ้าเป็นหลัก เคี้ยวแล้วเหนียวหนึบหนับ ราดด้วยซอสสีแดงที่ได้จากการเคี่ยวพริกเกาหลีกับซอสโคชูจังเข้าด้วยกันลงในกระทะ แล้วผัดให้ซอสคลุกเคล้าแป้งต๊อกจนทั่วและนิ่มสุกกำลังดีก็ได้ “ต๊อกโปกี” แล้วหนึ่งจานอร่อย ๆ
สำหรับ “ต๊อกโปกี” สายเขียว ก็เพียงน้ำใบกัญชาจะแห้งหรือสดไปผัดกับแป้งต๊อก ซึ่งสามารถหาซื้อแบบสำเร็จรูปได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำของไทย หรือซูเปอร์มาร์เก็ตเกาหลีที่มีอยู่หลายแห่งในกรุงเทพฯ แถมแป้งต๊อกสำเร็จรูปในไทยยังมีให้เลือกหลายยี่ห้ออีกด้วย
3. ทัลโกนา (Dalgona Candy)
“ทัลโกนา” หรือ “ขนมน้ำตาลแผ่น” เป็นขนมริมทางมีมาตั้งแต่สมัยโบราณของเกาหลีใต้ มีส่วนประกอบหลัก คือน้ำตาลและเบกกิ้งโซดา รสชาติหวานปนขม เคี้ยวแล้วหนึบหนับมันปาก
ความน่ารักของขนม “ทัลโกนา” อยู่ที่ลวดลายบนแผ่นน้ำตาลที่สามารถครีเอทได้มากมายตั้งแต่ลายง่าย ๆ อย่างหัวใจ ดาว วงกลม ไปจนถึงรูปไดโนเสาร์ ที่เกิดขึ้นจากการนำแม่พิมพ์ตัดขนมมาประทับก่อนที่น้ำตาลแผ่นจะเย็นตัวแข็ง
ส่วนวิธีการทำนั้นง่ายมาก ไม่ยากอย่างที่หลายคนจินตนาการไว้ เพียงน้ำส่วนผสมทั้งสองอย่าง ได้แก่ น้ำตาลและเบกกิ้งโซดามาเคี่ยวในหม้อกจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเทลงบนถาดสแตนเลส จากนั้นรีบนำวัตถุมีน้ำหนักพื้นเรียบมากดทับน้ำตาลให้แบน และนำแม่พิมพ์ตัดขนมมากดเป็นลวดลายตามชอบ ทิ้งให้เย็นแข็งตัว ก็ได้ “ทัลโกนา” มากินง่าย ๆ หรือจะทำเอาไว้เล่น “Dalgona Challenge” ชาเลนจ์ออนไลน์ที่กำลังฮิตสุด ๆ บนแอปฯ ติ๊กต็อกในตอนนี้ก็ได้
ส่วนสายเขียวคนไหนอยากกิน “ทัลโกนา” แบบผสมกัญชา ก็เพียงสับใบกัญชาให้ละเอียด แล้วใส่ลงไปเขี่ยวในน้ำตาลที่หนืดเป็นเนื้อเดียวกันก็ได้ หรือจะซื้อแม่พิมพ์ตัดขนมรูปใบกัญชามาตกแต่งหน้าขนมก็ได้ หรืออีกวิธีหนึ่งที่ง่ายกว่า คือ นำใบกัญชามาวางประดับบนหน้าแผ่นน้ำตาลก่อนแข็งตัว ได้ทั้งสวยและอร่อยในเวลาเดียวกัน
4. มาม่าเกาหลี (Korean Noodle)
“มาม่าเกาหลี” หรือ “บะหมี่เกาหลี” ไม่ได้เป็นอาหารเกิดใหม่ของเกาหลี แต่อาหารรสเลิศสัญชาติเกาหลีนี้ มีการทำกินกันมาตั้งแต่ก่อนศตวรรษที่ 12 หรือก่อนยุคโครยอเสียอีก
แต่เริ่มเป็นอาหารที่นิยมกินกันในยุคโครยอ โดยมีการบันทึกในประวัติศาสตร์ว่า “บะหมี่เกาหลี” ได้ถูกนำมาเป็นเมนูพิเศษสำหรับงานมงคลต่าง ๆ เนื่องจากมีความหมายที่ดี เช่น กินแล้วอายุยืนยาวเหมือนในความเชื่อจีน เป็นต้น อีกทั้ง ยังมีเส้นบะหมีหลายแบบด้วย ได้แก่ เส้นโจมยอน, เส้นจางมยอน หรือโจวเมียน, เส้นคัลกุกซู (เส้นบะหมี่สดทำมือ), เส้นแนงมยอน หรือแนงเมียน (เส้นบัควีตเกาหลี), เส้นทังมยอน (วุ้นเส้นเกาหลี) และเส้นรามยอน (เส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป)
ปัจจุบัน “บะหมี่เกาหลี” ถูกนำมาจำหน่ายในรูปแบบของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจำนวนมาก แถมมีให้เลือกหลายรสชาติ ตั้งแต่เผ็ดน้อยไปจนถึงเผ็ดมาก อยากกินแบบออกเค็ม หรือหวานอมเปรี้ยวก็มีให้เลือกตามชอบ วิธีการทำก็แสนง่ายดายเหมือนเราทำ “มาม่า” ของไทย หากจะกินแบบฉบับสายเขียว ก็เพียงนำใบกัญชาลงไปต้มด้วยเท่านั้น
หรือจะกินแบบเล่นใหญ่ “หม้อไฟ” ก็ไม่ติด เพียงนำใบกัญชาลงไปต้มปนกับผักนานาชนิดและเนื้อสัตว์ ก็อร่อยไปอีกแบบ แถมทำเมนูนี้แล้ว หากกินเหลือก็สามารถเก็บไว้กินได้อีกหลายวัน
5. โซจู (Soju)
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่า “กัญชา” รันทุกวงการจริง ๆ ไม่เว้นแต่กับอาหาร เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเท่านั้น แต่ยังถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบผสมในเหล้าขาวเกาหลี หรือที่เรานิยมเรียกกันว่า “โซจู” ด้วย แถมมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้ออีกต่างหาก ส่วนดีกรีแอลกอฮอล์ของเครื่องดื่มชนิดนี้มีตั้งแต่ 16-58 เปอร์เซ็นต์เลยเชียว
และเหมือนกับวอดก้า สุราขึ้นชื่อของเดนมาร์กและรัสเซีย “โซจู” ก็มีให้เลือกหลายรสชาติด้วยกัน ยิ่งผสมกัญชาก็ยิ่งดื่มแล้วฟินดับเบิ้ล! และเพิ่มคุณประโยชน์เพิ่มให้กับร่างกายอีกต่างหาก
ที่สำคัญเมนูอาหารเกาหลีนี้ ทุกคนสามารถหาซื้อได้ง่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป และกินคู่กับอาหารเกาหลีเมนูอื่น ๆ ก็อร่อย ยิ่งกินกับเพื่อน ๆ ยิ่งสนุก
แหล่งจำหน่ายใบกัญชาสำหรับปรุงอาหารถูกกฎหมาย
แนะนำอาหารเกาหลีฉบับสายเขียวตามรอยซีรีส์ “Squid Game” และวิธีทำกันแล้ว แต่ในไทย แม้กัญชาจะถูกกฎหมายแล้ว (เฉพาะบางส่วนของต้น) แต่ก็ยังไม่ได้เปิดให้ใช้อย่างเสรีอย่างแท้จริง เพราะผู้ที่จะจำหน่ายใบกัญชา ดังการจะซื้อใบกัญชามาประกอบอาหารจึงต้องมาจากแหล่งที่ได้รับใบอนุญาตจำหน่ายถูกกฎหมายเสียก่อนซึ่งได้มีการขออนุญาตในการใช้ประโยชน์กับอย.
ขณะที่บุคคลทั่วไป อย่างคอซีรีส์ ก็สามารถหาซื้อใบกัญชาและรากกัญชามาประกอบอาหารได้ โดยการค้นหาข้อมูลผู้ที่สามารถจำหน่ายกัญชาถูกต้องตามกฏหมายได้ที่นี่ คลิก หรือสามารถเข้าไปแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ทางเฟซบุ๊ก “เมนูอาหารจากกัญชา”
ข้อควรรู้และระมัดระวังเมื่อทำอาหารจากกัญชา
คนทำอาหารจากกัญชาต้องมีความรู้ในการปรุง ว่าสามารถใส่มาก หรือใส่น้อยอย่างใดไม่ให้กินแล้วมึนเมา เพราะใบกัญชาสด มีสาร THC ซึ่งทำให้มึนเมา หากเจอความร้อนจัด จะมีฤทธิ์มาก เช่น บราวนี่ใส่กัญชา
ขณะที่เมนูบางอย่าง เช่น ใบกัญชาชุบแป้งทอด เมื่อโดนความร้อนจะรีดน้ำมันกัญชาออกมา ทำให้ฤทธิ์น้อยลง
และที่สำคัญห้ามบริโภควันละไม่เกิน 5 ใบ ขึ้นอยู่กับชนิดพันธุ์ของกัญชามีฤทธิ์ไม่เท่ากัน และต้องมีการให้ความรู้เรื่องนี้อย่างต่อเนื่องและทั่วถึง เพราะกัญชายังเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนไทย สำหรับผู้บริโภคควรเริ่มต้นกินแต่น้อย และคนบางกลุ่ม ได้แก่ เด็ก สตรีมีครรภ์และผู้มีโรคประจำตัว ควรระมัดระวังในการกิน
อ่านบทความแนะนำ : ตามรอยลิซ่า BLACKPINK ฉบับสายเขียว กับ 5 ร้านลูกชิ้นกัญชาต้องลอง!
ที่มาข้อมูล: Yoripe, ไทยรัฐและ Wongnai
Really Appreciate this update, how can I make is so that I receive an update sent in an email when you write a new article?