ทุกสิ่งมีทั้งเป็นประโยชน์ และโทษ ดาบสองคมนี้รวมไปถึงกัญชา
กัญชา พืชที่ถูกปิดกั้นการใช้อย่างเสรีเพราะผลทางสมองที่มีฤทธิ์เสพติด (psychological addiction) กัญชาจึงถูกจัดให้เป็นสารเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 แต่กระนั้นถึงแม้ว่ากัญชาถูกกล่าวขานว่าเป็นสารเสพติด แล้วทำไมยังมีคนบางกลุ่ม (ซึ่งไม่น้อยเลย) ยังลักลอบปลูกกัญชา รวมไปถึงใช้กัญชาทั้งเพื่อความบันเทิง และช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ที่ผิดปกติของร่างกาย เช่น บรรเทาอาการปวด อาการนอนไม่หลับ และอาการซึมเศร้า เป็นต้น
หากกัญชาเป็นสารเสพติด ทำไมถึงมีแนวคิดใช้กัญชาในทางการแพทย์เพื่อรักษาโรคดังกล่าวและอีกหลากหลายอาการ นั่นก็เพราะประโยชน์ที่ฝังอยู่ภายในกัญชาหรือเปล่า ด้วยฝั่งที่เชื่อว่ากัญชานั้นไม่ดี และอีกฝั่งที่ได้เห็นด้านดีๆของกัญชา ตกลงแล้วนั้นกัญชาเป็นพืชที่คนที่กำลังใช้อยู่ต้องพยายามเลิกให้ได้เพราะเป็นสารเสพติดให้โทษ หรือว่าคนที่ไม่เคยใช้ต้องลองใช้กัญชาดูบ้างเพราะประโยชน์หลายอย่างของมันกันแน่
สารในกัญชาที่ต้องระวัง
สารในกัญชามีมากมายหลายชนิด มากถึง 120 ชนิดจากทุกส่วน แต่ตัวที่ต้องระวังเนื่องจากกระตุ้นให้เกิดอาการไฮ และมีฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่งผลเกิดการเสพติดได้ คือ สารที่ชื่อว่า ทีเอชซี (THC, Tetrahydrocannabinol) สารนี้จะออกฤทธิ์ผ่านตัวรับรู้ (receptors) ภายในสมองและส่งผลมากมายต่อร่างกาย ดังนั้นหากได้รับสารทีเอชซีในปริมาณสูง อาจส่งผลมากมายเช่น มีฤทธิ์กดประสาท ลดความดันเลือด เพิ่มความอยากอาหารและน้ำ และยังขัดขวางการทำงานของความจำระยะสั้น ถึงแม้ว่าจะมีผลต่อร่างกายมากมาย แต่ก็ไม่มีรายงานว่าการใช้สารทีเอชซีจะทำให้เกิดอาการช็อค หรือตายในทันที
คนหลายคนมีคำถามว่า “กัญชาและสารทีเอชซีนั้นอันตรายมากพอที่จะต้องถูกจัดให้อยู่ในรายชื่อสารเสพติด และเป็นสิ่งผิดกฎหมายขนาดนั้นเลยเหรอ” ไม่มีรายงานไหนเลยที่กล่าวว่าการใช้กัญชานั้นทำให้เกิด Physical dependence หรืออาการติดสารเสพติด และต้องพึ่งพาสารนั้นอยู่ตลอดเวลา อย่างเช่นที่เกิดขึ้นกับเฮโรอีน (Heroin) ที่ผู้ใช้จะเกิดอาการผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่งต่อร่างกายทันที หากเลิกใช้ หรือใช้ในปริมาณที่น้อย
แต่บางคนก็มีข้อโต้เถียงว่าถึงแม้กัญชาจะไม่ส่งผลให้เกิด Physical dependence แต่ด้วยสารทีเอชซีนั้นส่งผลให้เกิดอาการ Psychological dependence หรือเกิดอาการที่ส่งผลต่ออารมณ์และความคิดได้หากไม่ได้รับสารทีเอชซี อย่างเช่นจะมีพฤติกรรมการตามหากัญชามาใช้ให้ได้ หรือเมื่อผู้ใช้หยุดจากการใช้ไปสักพักหนึ่ง จะมีประสิทธิภาพในการคิดวิเคราะห์นั้นลดลง นอกจากนั้นยังมีข้อโต้เถียงที่อื่นๆ ที่พยายามจำกัดการใช้กัญชา ได้แก่ การกล่าวหาว่าสารในกัญชานั้นเป็นตัวกระตุ้นการเกิดมะเร็ง (carcinogenic) โดยเฉพาะมะเร็งปอด หรือการสูบกัญชาส่งผลให้เกิดโรคอื่นๆทางระบบหายใจ หรือการใช้กัญชาเป็นประจำจะลดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน หรือการใช้กัญชาส่งผลให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคจิตเภทได้ และอื่นๆอีกมากมายที่พยายามกล่าวหาข้อเสียต่อร่างกายให้กัญชา และเป็นเหตุผลให้กัญชาถูกจำกัดการใช้
แน่นอนว่าทุกสิ่งล้วนมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ถึงแม้มีข้อเสียที่บางอย่างอาจยังไม่ได้รับพิสูจน์อย่างถี่ถ้วน แต่ข้อดีของกัญชานั้นก็ถือว่ามีมากมาย ทั้งในเชิงสุขภาพที่มีการประยุกต์นำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และเชิงเศรษฐกิจที่กัญชาสามารถนำเงินมาให้กับผู้ประกอบการไม่น้อยเลย
กัญชาอันตรายถึงขั้นตายเลยไหม
ย้อนกลับไปถึงอันตรายของกัญชา คำถามที่ตามมาคือ การใช้กัญชาจะส่งผลให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้มากเท่าไร อันตรายถึงตายเลยไหม หรือแท้จริงแล้วทุอย่างเป็นเพียงแค่การคิดเยอะไป
ปัจจุบันมีหลักฐานมากมายเชิงวิทยาศาสตร์การแพทย์ว่ากัญชามีประโยชน์ในเชิงการแพทย์เพื่อใช้รักษาความผิดปกติของร่างกายมากมาย เช่น โรคนอนไม่หลับ (insomnia) บางคนถึงกับยอมรับเลยว่าการใช้กัญชาช่วยให้เขานอนหลับมากกว่ายานอนหลับที่แพทย์จ่ายให้ ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าบางคนก็หันมาเพิ่งกัญชามากขึ้น และยอมทิ้งยารักษาโรคซึมเศร้า และไม่ใช่น้อยคนที่มีดีขึ้น
กัญชาอาจมีประโยชน์มากกว่าหลายสิ่งในโลกใบนี้ที่มีโทษ แต่ยังใช้กันแบบถูกกฎหมาย 2 ตัวอย่างที่ยกได้ทันทีคือ บุหรี่ และแอลกอฮอล์ มีบุหรี่และแอลกอฮอล์ที่ไหนสามารถรักษาโรคนอนหลับ และซึมเศร้าได้ อย่างที่กัญชาได้พิสูจน์มาแล้ว
มีงานวิจัยตีพิมพ์ เมื่อปี 2012 ลงในวารสารทางการแพทย์ชื่อดัง Journal of the American Medical Association เพื่อพิสูจน์ผลของบุหรี่และกัญชาต่อระบบทางเดินหายใจ นักวิจัยได้ทำการศึกษาเป็นเวลานานถึง 20 ปีโดยมีผู้เข้าร่วมทดลองทั้งผู้หญิงและผู้ชายมากถึง 5,000 คน โดยต้องการดูว่าการสูบบุหรี่ หรือการสูบกัญชาในคนเหล่านี้ ส่งผลอย่างไรต่อปอดบ้าง ผลการทดลองออกมาแน่นอนว่าการสูบบุหรี่ส่งผลร้ายต่อการปอด แต่ที่น่าสนใจคือการสูบกัญชากลับไม่ได้มีผลร้ายต่อปอดถึงแม้ว่าจะใช้ในปริมาณที่สูงก็ตาม ผลงานวิจัยนี้จึงได้กล่าวสรุปอย่างน่าสนใจอีกว่า
Marijuana may have beneficial effects on pain control, appetite, mood, and management of other chronic symptoms. Our findings suggests that occasional use of marijuana for these or other purposes may not be associated with adverse consequences on pulmonary function.
แปลได้ว่า การใช้กัญชาอาจมีประโยชน์ต่อการรักษาความปวด ความอยากอาหาร อารมณ์แปรปรวน การจัดการกับโรคเรื้อรังมากมาย นักวิจัยยังแนะนำว่าการใช้กัญชาเป็นบางครั้งเพื่อจุดประสงค์ดังกล่าวอาจไม่เชื่อมโยงกับผลเสียต่อการทำงานของปอด
การศึกษาในปี 1990 ศึกษาในชาวสวีเดนมากถึง 45,000 คน เป็นเวลานานกว่า 15 ปี พบว่าไม่พบมีการตายในคนที่ใช้กัญชาหลังจากที่ควบคุมปัจจัยเสี่ยงอื่นๆเอาไว้ นั้นอาจหมายถึงคนที่ใช้กัญชาแล้วตายนั้นอาจจะเป็นผลมาจากมีปัจจัยอย่างอื่นร่วมด้วย อย่างเช่นโรคประจำตัว เป็นต้น แต่ถ้าใช้กัญชาอย่างเดียวก็ไม่ได้มีใครตาย และผู้ใช้ควรมีความระมัดระวัง
แอลกอฮอล์ดูเหมือนจะส่งผลให้เกิดการตายสูงกว่าการใช้กัญชาด้วยซ้ำ เพราะผลของการดื่มที่ไม่มีการควบคุม อาจส่งผลให้เกิดพิษเฉียบพลันของแฮลกอฮอลล์ (alcohol intoxication) ส่งผลให้เสียชีวิต รวมไปถึงอาการมึนเมาที่อาจเกิดอุบัติเหตุและส่งผลของชีวิตไม่ใช่แค่คนดื่มและยังถึงผลเสียต่อคนในสังคม
นอกจากนั้นบทความจาก Transformations treatment ซึ่งเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับสารเสพติดและสุขภาพจิต ยังเขียนไว้ว่าคนส่วนใหญ่ที่ใช้กัญชาเกินขนาด หรือ overdose ไม่มีความเสี่ยงจนถึงแก่ชีวิต จากพิษของกัญชา หากคนเหล่านั้นมีร่างกายที่ปกติ แต่อย่างไรก็ตามการใช้กัญชาในปริมาณสูงมากๆ อาจจะส่งผลให้เกิดความน่ากังวลต่ออาการทางความคิด และทางอารมณ์ ได้แก่ อาการเห็นภาพหลอน (hallucinations) คิดเพ้อเจ้อ (delusional thinking) อาการหวาดระแวง (paranoid psychosis) รวมถึงความกังวล (anxiety)เป็นต้น ทำให้ส่งผลต่อความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน
ดังนั้นหากมานั่งคำนวณถึงผลเสียต่อร่างกาย และผลเสียต่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นไปได้ว่าการใช้บุหรี่และแอลกอฮอล์ สองสิ่งที่ค้าขายกันอย่างถูกกฎหมาย อาจส่งผลเสียและหนักกว่า กัญชาด้วยซ้ำ ซึ่งแปลกมากเพราะสิ่งที่อันตรายอย่างบุหรี่และแอลกอฮอล์ มีขายทั่วไปตามร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร และซูเปอร์มาเก็ต แต่กัญชาซึ่งมิได้มีผลต่อปอดเหมือนบุหรี่ และผลร้ายถึงขั้นเสียชีวิตก็อาจจะน้อยกว่าแอลกอฮออล์ด้วยซ้ำ แต่กลับถูกปิดกั้นและเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
คำถามคือ แล้วเหตุผลอะไรถึงต้องควบคุมการใช้กัญชา พืชที่มีประโยชน์มากมายทางการแพทย์ ตรงกันข้ามควรเปิดเสรีและให้ความรู้เพื่อให้คนในสังคมได้รู้จัก และนำมาใช้อย่างถูกวิธีและระมัดระวังไม่ดีกว่าเหรอ (ต้องดีกว่ามาก)
ติดตาม WeedHub
ที่มาข้อมูล
https://jamanetwork.com/journals/jama/fullarticle/1104848